7.29.2555

How to : The Blossom look

สวัสดีค่าาาาาาา

วันนี้จะมานำเสนอการแต่งหน้า แบบ เอิ่มมมมมม มั่วๆเอา ฮ่าๆๆๆ แต่ออกมาในลุด Blossom ค่ะ 

 แนวหวานๆ แต่เน้นความโดดเด่นของดวงตาค่ะ ไปดูอุปกรณ์กันเลยยยย

  1. Cezanne BB cream

  2. Maybelline concealer

  3. Maybelline Baby lips

  4.  Revlon Touch& Glow Extra mineral face powder (Translucent2)

  5.  Costal scent 88 palette eyeshadow

  6.   Maybelline lashionista mascara

  7.   Dodo makeup glitter

  8.   Maybelline 2 in 1 impact shadow liner eyestudio

  9.   KATE super sharp liner

  10.   In2it long wear eyebrow lliner

  11.   Dollywink eyelash glue

  12.   Dolly wink No.1 lashes

  13.   Lower lash order from Necessaries Choice online shop

  14.   Cezanne Shading

  15.   Cezanne nose shadow

  16.   Sleek brush – Pixie Pink

  17.   Revlon lipstick – Smoked Peach Matte 013

  18.   KMA lipstick – Sheer lip purple

  19.   NYX maga shine lip gloss

ตามนี้เลยค่ะ แต่ละไอเทมราคาไม่แพงและหาซื้อได้ง่าย แบบว่าไม่ค่อยมีตังค์เลยเน้นคุณภาพแต่ราคาย่อมเยา แบบราคานักศึกษาเลย อิอิ

 

มาดูขั้นตอนกันค่ะ

 

ก่อนขั้นตอนการแต่งหน้า อย่าลืมทาลิปมันที่ปากนะค่ะ ไม่ว่าจะทาลิปสีไหนก็ต้องลงค่ะ เพื่อเป็นการเตรียมริมฝีปากค่ะ จะช่วยให้ลงลิปได้เนียนมากขึ้น ไม่ตกร่องค่ะ

 

ขั้นแรกก็เป็นการลง Base makeup ค่ะ

 

  1. บีบ BB cream มาประมาณนี้ค่ะ ใหญ่กว่าเม็ดถั่วเขียวนิดนึง เพราะหน้ารอยสิวเยอะ ต้องการการปกปิดค่ะ

  2. แต้มให้ทั่วหน้าค่ะ เว้นใต้ตาไว้นะค่ะ เพราะอาจจะเป็นก้อนๆ ตกร่องได้เวลาเหงื่อออก

  3. ใช้นิ้วมือเป็นนิ้วกลางและนิ้วนางเกลี่ยให้ทั่วหน้าค่ะ แหะๆ เทียบในหน้าสองด้าน ด้านที่ลงบีบีแล้วจะเนียนและสว่างกว่านะ

  4. จากนั้นใช้ฟองน้ำกดๆให้ทั่วหน้านะค่ะ จะช่วยซับบีบีส่วนเกินออกทำให้หน้าไม่ดูโบ๊ะ และเวลาลงแป้งจะเนียนธรรมชาติขึ้นค่ะ

  5. จากนั้นแก้ไขใต้ตาที่คล้ำประดุจเป็นญาติของแพนด้าด้วยการลงคอนซีลเลอร์ค่ะ ลงใต้ตาและบริเวณในหน้าที่มีรอยแดง รอยดำต่างๆค่ะ

  6. ใช้นิ้วกลางเกลี่ยๆกดๆคอนซีลเลอร์ให้เนียนไปกับผิวค่ะ

  7. จากนั้นลงแป้งฝุ่นเพื่อเซตใบหน้าทำให้เนียนมากขึ้นค่ะ

ขั้นตอนที่ 2 เป็นขั้นตอนการแต่งตาค่ะ

 สีที่ใช้ตามนี้เลยนะค่ะ ที่จริงสีชัดนะ แต่ถ่ายรูปสาดแฟลชไปสีจางหมดเลย เหอะๆ



 

  1. ลงอายแชโดว์หมายเลข 1 ชมพูอ่อน ให้ทั่วเปลือกตา เพื่อใช้เป็นสีพื้นค่ะ

  2. ลงอายแชโดว์หมายเลข 2 ชมพูเข้ม ครึ่งนึงทางด้านส่วนปลายของเปลือกตาค่ะ เกลี่ยสีให้เนียนแบบไล่สีกันไปนะค่ะ

  3. งอายแชโดว์เบอร์ 3 ซึ่งเป็นสีทอง ตรงบริเวณหางตาค่ะ ลงทับ 2ใน3 ของสีชมพูเข้าที่ลงไปค่ะ

  4. ลงอายแชโดว์เบอร์ 4 และเบอร์ 5 สีน้ำตาลเข้ม จิ้มๆสีผสมกันเลยค่ะ ทาคัดเบ้าเล็กๆเป็นรูปตัว C นะค่ะ ไล่สีให้เนียนเลยนะค่ะ จะช่วยให้ตาดูมีมิติมากขึ้นค่ะ

  5.   ใช้อายแชโดว์เบอร์ 6 เป็นสีดำ มาทาคัดเบ้าเล็กๆเป็นรูปตัว C นะค่ะ

  6. จากนั้นใช้อายแชโดว์เบอร์ 2 เป็นสีชมพูมาแต้มๆ เน้นว่าแค่แต้มนะค่ะ แต้มลงตรงกลางของเปลือกตาเลยค่ะ เพื่อให้สีชมพูสว่างดูเด่นตรงกลางเปลือกตาและเพิ่มมิติมากขึ้นค่ะ

  7. ใช้อายแชโดว์เบอร์ 6 เป็นสีดำ มาไล้บริเวณฐานของตาล่าง โดยนั่งหน้าตรงนิ่งๆ ใช้ขอบของลูกตาเป็นจุดเริ่มไล้มาถึงหางตาเลยค่ะ ที่ไล้สีเพราะเราจะเอาไว้เป็นฐานเวลาติดขนตาล่างค่ะ จะทำให้ดูธรรมชาติมากขึ้นค่ะ

  8. จากนั้นกรีดอายไลน์เนอร์ โดยจะกรีดเน้นให้เส้นที่ตรงกับลูกตาเราดูนูนหนากว่าบริเวณอื่นค่ะ จะทำให้ตาเราดูกลมมากขึ้น (แต่ไม่หนาจนถึงรอยชั้นของหนังตานะค่ะ) ลุคนี้จะกรี๊ดยาวเลยหางตามาพอสมควรนะค่ะ เพราะว่าต้องการให้ตาดูโตขึ้นค่ะ อีกอย่างเราจะติดขนตาแบบไม่ตัด คือยาวก็ยาวเลย ฮ่าๆ เลยต้องกรี๊ดอายไลน์เนอร์ยาวๆไว้เผื่อไง เทคนิดนี้เป็นเทคนิดการแต่งตาแบบญี่ปุ่นที่ช่วยทำให้ตาดูกลมโตและเด่นมากขึ้นค่ะ

  9. จากนั้นใช้อายไลน์เนอร์แบบดินสอมากรีดทับค่ะ จะทำให้เส้นไลน์เนอร์ดูฟุ้งเป็นธรรมชาติมาขึ้นค่ะ

  10. ใช้แปรงแต้มกลิตเตอร์มาไล้ที่บริเวณใต้คิ้วเป็นการเน้นรูปคิ้วและทำให้สีตาที่แต่งดูเด่นขึ้นอีกระดับค่ะ

  11. และใช้กลิตเตอร์แต้มบริเวณหัวตา และล่างตาเพื่อให้ตาดูแบ๊ว สดใสมากขึ้นค่ะ

ขั้นตอนที่ 3 การติดขนตาค่ะ

 

  1. เริ่มจากดัดขนตาก่อนค่ะ ดัด 3 ระดับนะค่ะ ชิดหนังตา กลางขนตา ปลายขนตา ที่ต้องดัดก่อนเพราะถ้าไม่ดัดแล้วปัดมาสคาร่าและติดขนตาปลอมเลย เวลามองด้านข้างจะมีขนตาทิ่มในแนวราบออกมา ซึ่งไม่เวิร์คนะ ฮ่าๆ

  2. ปัดมาสคาร่าขนตาบนค่ะโดยส่วนตัวเราชอบเด้งๆก็จะปัดประมาณ 2 – 3 รอบค่ะ

  3. ปัดมาสคาร่าขนตาล่างค่ะ ระวังเลอะนะเออ ปัดแค่ 2/3 ของตานะค่ะ เว้น 1 ส่วนด้านหางตาไว้เพราะเราจะติดขนตาล่าง ถ้าปัดมาสคาร่าจะทำให้ติดยากเพราะต้องแหวกขนตาเข้าไปนั่นเองฃ

      5.      ใช้เหนบจับขนตาไว้ค่ะ เป็นงานละเอียดอ่อน นิ้วมือยากที่จะเข้าถึงค่ะ ฮ่าๆ ทากาวแล้วนับ 1 – 10 รอให้กาวเซตตัวแป๊บนึงจะติดง่ายขึ้นและไม่เลอะค่ะ

   6.      วางขนตากับตาค่ะ แล้วใช้นิ้วมือจัดขนตาให้เข้าที่ เวลาวางขนตาติดให้ชิดกับแนวขนตาจริงมากที่สุดนะค่ะ เพราะถ้าติดไม่ชิดแล้วจะไม่ดูธรรมชาติค่ะ เวลาถ่ายรูปมาจะเห็นเป็นรอยต่อขนตาจริงกับขนตาปลอม ไม่งามนะค่ะแบบนั้น

   8.      เลือกขนตาล่างมาเลยค่ะ ลุคนี้ใช้แบบสานๆ เพราะต้องการให้ดูฟุ้งๆค่ะ

   9.      ทากาวนับ 1 – 10 เหมือนเดิม แล้วติดลงบริเวณหางตา ไม่ต้องชิดขนตาจริงมากน่ะค่ะ ติดให้ย้อยลงมาชิดกับเส้นขนตาบนเลยค่ะ จะทำให้ตาดูโตหยดหย้อยมากขึ้นค่ะ

   11.   ปัดมาสคาร่าขนตาล่างทั้งหมดเพื่อให้ดูเนียนมากขึ้นค่ะ

 

ขั้นตอนที่ 4 Highlight &Contour ค่ะ โดยเฉพาะคนไม่มีดั้งอย่างเรา ขั้นตอนนี้สำคัญและละเอียดอ่อนเป็นอย่างยิ่ง ฮ่าๆๆ

 

  1. ใช้shading ไล้บริเวณขอบจมูกทั้งสองข้างค่ะ เว้นตรงกลางลำจมูกนะค่ะ ไล้ให้เป็นเส้นตรงๆ จากคิ้วลงมาถึงขอบปลายจมูกค่ะ

  2. Shading กลบตรงปีกจมูกค่ะ พอดีเป็นคนปีกจมูกปาน กลบให้หายไปเลยเอ้า ฮ่าๆๆ

  3. จากนั้นใช้ highlight ใน nose shadow ทาลงตรงกลางลำจมูกค่ะ จะทำให้เห็นเป็นลำดั้งขึ้นมาค่ะ อิอิ   

  4. Highlight บริเวณเหนือริมฝีปากค่ะ ตรงนี้ก็สำคัญเวลาถ่ายรูปเป็นมุมที่จะโดดเด่นเวลาถ่ายรูปค่ะ

  5. Highlight คางค่ะ เช่นกันเวลาถ่ายรูปเป็นมุมที่จะโดดเด่นเวลาถ่ายรูป

  6. Highlight ใต้ตาค่ะ จะช่วยทำให้แพนด้าหายไปและเน้นตาที่แต่งไว้มากขึ้นค่ะ

  7. จากนั้นก็ shading บริเวณกรอบหน้าทำให้หน้าดูเรียว มีมิติค่ะ สังเกตรูปนี้ ด้านซ้าย shading แต่ขวาไม่ได้ทำ ชัดเลยซ้ายดูมีมิติ แต่ขวาบานนนนน ฮ่าๆๆ ฉะนั้นจงทำซะ!

ขั้นตอนที่ 5 การแต่งคิ้วค่ะ

 

ใช้ดินสอเขียนคิ้ววาดรูปโครงคิ้วก่อนทั้ง 2 ข้าง แล้วเติมสีคิ้วให้เต็ม ใช้แปรงปัดคิ้วเพื่อให้สีกระจายดูธรรมชาติค่ะ

 

ขั้นตอนที่ 6 วิธีการปัดแก้ม

 

ลุคนี้เป็นแนวน่ารักสดใสสไตล์ญี่ปุ่นหน่อยๆ เลยปัดแก้มเฉพาะบริเวณพวงแก้มค่ะ เอาสีชมพูอย่างเดียวเลย แต้มๆบริเวณพวงแก้มเลยนะค่ะ ไม่ต้องปัดแต็มแก้ม

 

ขั้นตอนสุดท้ายยยย การทาปากค่ะ 

 

 

2.      ทาลิปสีม่วงของ KMA ลงไปบริเวณริมฝีปากด้านในบนและล่างค่ะ

4.      ใช้ลิปสีแมทของ Revlon สีพีชทาขอบด้านนอกค่ะ ไม่ทาทับสีม่วงที่ลงไว้นะค่ะ
6.      เม้มปากกดกระดาษทิชชู่เพื่อซับสีส่วนเกินค่ะ จะช่วยให้สีติดทนมากขึ้น จากนั้นทาซ้ำ ขั้นตอนที่ 1 และ 3 ค่ะ
8.      ทาลิปกลอสจะได้สีชมพูนมๆ น่ารักๆค่ะ
 

Finish look คร๊า

 ระดับผมด้วยดอกไม้ตามสไตล์เลยค่ะ

 หวังว่าคงชอบกันนะค่ะ แหะๆ ลุคแรก ฮาวทูอันแรก ยากชะมัด มีอะไรติชมได้นะคร๊าาาาาาาา


7.23.2555

Review - Garnier Light Intensive 3 in 1 Whitening Essence Mask (Spensor: Garnier Thailand)

วันนี้จะมารีวิวมาส์กหน้าแบบบางใสของ Garnier กันค่ะ จากที่ได้ร่วมสนุกกับทาง Garnier ที่ Garnier Thailand  เลยได้มาส์กมาลองใช้ค่ะ ซึ่งใน 1 กล่องจะมีมาส์กทั้งหมด 4 แผ่น กล่องละ 259 บาทค่ะ ใครสนใจมีขายที่ Watsons (เจอมาวันนี้) และห้างสรรพสินค้าทั่วๆไปค่ะ หาซื้อได้ค่อนข้างง่ายเหมือนกันนะค่ะ

 ตัวนี้เป็น Garnier light intensive 3 in 1 whitening essence mask ค่ะ 
มาส์กเพื่อผิวขาวสว่างใส ที่อุดมด้วยเอสเซนส์เข้มข้นที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติถึง 3 ชนิด ได้แก่
  • สารสกัดจากสมุนไพร Scutellaria ปรับผิวให้ดูกระจ่างใสขึ้น ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ
  • สารสกัดบริสุทธิ์จากมะนาว ที่ให้ปริมาณเอสเซนส์ 10 เท่าเมื่อเทียบกับครีมเพื่อผิวกระจ่างใส ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่หมองคล้ำออกอย่างอ่อนโยนเผยผิวกระจ่างใสทันที ให้สีผิวดูสม่ำเสมอ และเนียนเรียบขึ้น
  • น้ำแร่ธรรมชาติบริสุทธิ์จากเทือกเขา Tanggula ในทิเบต ที่ช่วยคงความชุ่มชื้นไว้ในผิว ให้ผิวชุ่มชื่นยาวนานต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง 
เห็นแอฟโฆษณาก็อยากสวยแบบแอฟบ้าง ฮ่าๆๆๆ ตามคำแนะนำหลังซองแนะนำให้มาส์กสัปดาห์ละ  2 ครั้ง ครั้งละประมาณ 10 - 15 นาทีค่ะ จัดปายยยย

มาเริ่มแกะซองมาส์กกันเลยค่ะ กลิ่นหอมมะนาว หอมมากเลยหล่ะค่ะ

ตัวมาส์กค่ะ กลิ่นหอมจริงๆ เดิมเคยใช้ครีมการ์นิเย่ไลท์เมื่อตอนอยู่ม.ปลาย กลิ่นนี่ชวนย้อนอดีตมาก ฮ่าๆๆ 

หน้า Before ค่ะ เพิ่งกดสิวไปสดๆร้อนๆ มีรอยแดงและรอยดำ (ไม่ขอซูมเพราะอุบาทเกิน ฮ่าๆ)


 มาส์กตัวนี้ค่อนข้างกระชับ คือตอนแรกงงว่าทำไมเล็กจัง แบบว่าไม่พอดีหน้า ฮ่าๆๆๆ (คือหน้าเราค่อนข้างใหญ่) แต่ที่จริงแล้วมาส์กตัวนี้จะค่อนข้ากระชับกับรูปหน้านะค่ะ แบบดึงได้ตึงเปรี๊ยะจะพอดีกัับรูปหน้าเราเลยค่ะ


ไม่เคมาส์กที่แบบคุลมถึงคิ้วแบบนี้เลย แถมความตึงพอดีรูปหน้าของมาส์กยังทำให้รู้สึกเหมือนได้ดึงกระชับใบหน้าไปในตัวด้วยค่ะ ชอบตรงนี้แหละ ^^

เราวางมาส์กประมาณ 10 นาที เพราะเพิ่งใช้ครั้งแรก รู้สึกแสบๆเล็กน้อยแถวๆสิวที่กดไป คงไม่แปลกเพราะมีส่วนผสมของมะนาวกับแผลสิว แสบเป็นธรรมดา

ครบ 10 นาทีแล้วคร๊าบบบบบบบบบบบ ได้เวลาลอกมาส์กออกแล้ว

หลังจากลอกมาส์กออกจะยังมีน้ำจากมาส์กเหลืออยู่บนใบหน้าและในซอง เราก็จัดการนำมานวดๆๆบนใบหน้ายาวมาถึงลำคอจนน้ำมาส์กแซกซึมหมดไปกับผิวเราเพื่อการบำรุงที่ล้ำลึกยิ่งขึ้น
จะสังเกตว่ารอยแดงสิวดูจางลง และหน้าดูกระจ่างใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คือตัวเราเองสังเกตได้เลยว่ามันจางลง หน้าดูเนียนใสขึ้น

และเพื่อการทดลองให้เห็นผลได้ชัดขึ้นเราก็จัดการเดินไปเซเว่นไปหยิบเจ้าซองนี้มาใช้ร่วมกับมาส์กเพื่อประสิทธิภาพที่มากยิ่งขึ้นของการบำรุงผิวให้กระจ่างใส อิอิ ซองนี้ 15 บาท ที่จริงเราเคยใช้ครีมตัวนี้ตอน ม.ปลาย มาหลายกระปุกแล้ว แล้วก็ชวนคุณแม่ใช้ด้วย แต่เราเลิกใช้ไปเพราะอยากลองครีมใหม่ แต่ตอนนี้แม่เรายังใช้อยู่เป็นประจำ ดูท่าจะกลับมาซบอกการ์นิเย่เหมือนเดิมแล้วสิ แบบว่ากลิ่นนี่ชอบมาก ฮ่าๆๆๆๆ แถมใช้แล้วไม่แพ้ด้วย

หลังจากนวดมาส์กเสร็จระหว่างที่หน้ายังไม่แห้งมากเราก็บีบครีมการ์นิเย่ลงประมาณนี้ (ไม่อยากใช้เยอะเพราะน้ำจากมาส์กเองก็เยอะแล้ว) 

แต้ม 5 จุดทั่วไบหน้าแล้วทาให้ทั่วใบหน้าบางๆ และเบาๆ แล้วไปนอนซะ ฮ่าๆๆๆ

สรุปการลองใช้ในครั้งแรก
  • โดนส่วนตัวชอบตัวครีมอยู่แล้ว การได้ลองมาส์กแล้วพบว่ารอยแดงสิวจางลงในครั้งแรกที่ลองใช้ แล้วผิวกระจ่างใสขึ้นจริง!!! ก็ประทับใจมาก เอาไว้ครบ 2 อาทิตย์จะมารายงานผลต่อ คาดว่าคงไม่แพ้เพราะเราเคยใช้ครีมแล้วไม่แพ้ อิอิ
  • กลิ่นมาส์กเป็นอะไรที่ผ่อนคลายมาก และหลังมาส์กไม่เหนอะผิว 
  • แผ่นมาส์กค่อนข้างกระชับผิว มาส์กไปเหมือนได้ดึงกระชับหน้าไปด้วย ชอบมากกก ฮ่าๆ

**ผลิตภัณฑ์แต่ละตัวให้ผลต่างกันขึ้นกับสภาพผิวเราด้วยนะค่ะ ผิวเราค่อนข้างแพ้ง่ายในช่วงนี้สังเกตจากสิว เหอะๆ แต่มาส์กตัวนี้กับเราถือว่าเข้ากันได้ แต่ไม่ใช่คนแพ้ง่ายทุกคนจะไม่แพ้เพราะฉะนั้นกรุณาเลือกให้เหมาะกับผิวตัวเองนะค่ะ^^**